ขณะนี้เรื่องของรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเป็นที่พูดถึงและถกเถียงกันในระดับโลก มีหลายประเด็นที่น่าสนใจ เพราะทำให้เราได้มองอีกมุมที่เป็นผลกระทบของนวัตกรรมรถยนต์ชนิดนี้ การเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้าทำให้หลาย ๆ สิ่งต้องปรับตัวและปรับระบบโครงสร้างใหม่ อย่างระบบการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ เรื่องของแนวทางสำหรับให้ความคุ้มครองผู้ทำประกันรถยนต์ ชั้น 1 กับรถประเภทนี้ รวมไปถึงการเตรียมรับมือกับผลกระทบเรื่องอื่น ๆ จากการใช้รถยนต์ไฟฟ้าที่อาจเกิดขึ้น
แต่ประเด็นที่องค์การสหประชาชาติหรือ UN ให้ความสนใจ และออกมาชี้ให้เห็นถึงผลกระทบในแบบที่เราไม่คาดคิดก็คือ เรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และยังลุกลามไปยังผลกระทบเรื่องการใช้แรงงานเด็กด้วย ที่น่าแปลกใจก็คือ แนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้า เกิดขึ้นจากความต้องการที่จะดูแลโลกไม่ใช่หรือ? แล้วเหตุใด UN จึงชี้ว่าอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำลายสิ่งแวดล้อม เรามาเจาะประเด็นเรื่องนี้กัน
มุมมืดของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า
ที่ผ่านมาเรามักได้รับทราบมุมสว่างหรือมุมบวกในเชิงประโยชน์ของรถ EV ว่าดีแบบนั้นแบบนี้ รถก็มีความหรูหรา เทคโนโลยีสุดล้ำ ยิ่งเจ้าของรถเลือกทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ด้วยยิ่งลงตัวดูทันสมัย ภูมิฐาน เป็นเครื่องหมายบอกรสนิยมและฐานะทางสังคมได้ด้วย แต่นั่นก็เป็นข้อมูลเพียงด้านเดียวที่เราได้รับรู้
ในโลกนี้ทุกสิ่งที่ 2 ด้านให้มองเสมอ สำหรับรถ EV เองก็เช่นกัน เราทราบดีว่ารถยนต์ไฟฟ้าถูกคิดค้นขึ้นมาส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการแก้ปัญหาเรื่องของมลพิษที่มาจากรถยนต์เครื่องยนต์สันดาป และเมื่อรถยนต์ต้องใช้ไฟฟ้าเป็นพลังงานสำหรับการขับเคลื่อนจึงจำเป็นจะต้องใช้แบตเตอรี่ Lithium-ion สำหรับเก็บประจุไฟ ในตอนแรก ๆ ที่รถ EV ยังเป็นแค่โมเดล ยังไม่มีการผลิตใช้งานจริงเป็นแบบอุตสาหกรรม จึงยังไม่มีใครมองเห็นด้านลบ
พอรถ EV เริ่มเป็นอุตสาหกรรมผลิตจริงส่งขายจริง มุมมืดของสิ่งนี้ก็เผยออกมาให้เห็น เพราะเมื่อรถถูกผลิตจำนวนมาก ก็จะต้องมีการผลิตแบตเตอรี่ Lithium-ion จำนวนมากเป็นเงาตามตัวไปด้วย และแบตเตอรี่ Lithium-ion นั้นถูกผลิตขึ้นจากแร่ Cobalt เป็นวัตถุดิบหลัก
องค์ประกอบภายในของแบตเตอรี่ Lithium-ion ที่ใช้สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านั้น ประกอบไปด้วยสารอันตรายจำนวนมาก ซึ่งผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกยังไม่ได้มีแนวทางหรือการวางแผนรับมือแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพจากการใช้งานเหล่านี้เลย สุดท้ายแล้วแบตเตอรี่เหล่านี้จะกลายเป็นขยะสารพิษอิเล็กทรอนิกส์ และจะกลายเป็นมลพิษขั้นรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมเช่นกัน
รถยนต์ไฟฟ้าอาจกลายเป็นส่วนหนึ่งของปัญหาแรงงานเด็ก
สืบเนื่องจากความต้องการใช้งานแบตเตอรี่ Lithium-ion สำหรับรถยนต์ไฟฟ้านี่เอง ทำให้ต้องมีการขุดเหมืองเพื่อหาแร่ Cobalt มากขึ้น และแร่เหล่านี้มีอยู่จำนวนมากในประเทศคองโก ขณะนี้เริ่มมีการเกณฑ์แรงงานเด็กจำนวนหลายหมื่นคนเข้าไปทำงานขุดเหมืองแร่ตรงนี้ ซึ่งสภาพแวดล้อมก็อันตราย ต้องทำงานอย่างหนัก ส่งผลให้เด็กเหล่านี้ขาดโอกาสมากมายในชีวิต
เรื่องนี้ UN เป็นผู้ออกมาชี้ประเด็นให้โลกได้เห็นมุมมืดที่ซ่อนอยู่ เพื่อให้บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกได้ตระหนักและร่วมกันหาแนวทางป้องกันหรือหาทางออกในเรื่องนี้ จะได้ไม่ให้เกิดผลเสียต่อโลกและต่อชีวิตของเด็ก ๆ ในภายหลัง แม้จะยังไม่มีแนวทางป้องกันหรือแก้ไขปัญหาที่ชัดเจน แต่เราก็ได้รับรู้แล้วว่าสิ่งที่เราคิดว่าดีก็ยังมีด้านไม่ดีให้เราต้องคำนึงถึงด้วย
ก็เช่นเดียวกันกับการขับขี่ใช้รถใช้ถนนของเรา แม้การขับขี่เดินทางด้วยรถยนต์จะเป็นสิ่งที่ดี ทำให้เราเดินทางได้สะดวกรวดเร็วขึ้น แต่ในอีกด้านหนึ่งก็มีอันตรายจากอุบัติเหตุแฝงตัวอยู่ในทุกครั้งที่เราใช้รถเดินทาง หากป้องกันได้เราก็ควรทำ และควรจะต้องมีแนวทางในการรับมือด้วยหากอุบัติเหตุเกิดขึ้นไปแล้ว ซึ่งการมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ถือว่าเป็นแนวทางรับมือที่ดี และแนะนำว่าผู้ใช้รถควรจะทำไว้ ยังไงรถมีประกันถึงจะไม่ใช่ประกันชั้น 1 ก็ตาม ก็ย่อมดีกว่าไม่มีเลย คุณว่าจริงไหม