ต้องบอกเลยว่าปัจจุบันหลายๆ บ้านนิยมดูแลคนป่วยด้วยการดูแลแบบประคับประคอง เพราะเชื่อว่าผู้ป่วยจะมีความสุข และมีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม ซึ่งแนวคิดนี้เองก็แตกต่างจากแนวคิดการรักษาแบบเก่า ที่จะเน้นการรักษาให้สุดทาง อย่างไรก็ดี บุคคลสำคัญที่เป็นกำลังหลักในการดูแลแบบประคับประคอง ก็คือคนดูแลนั่นเอง สิ่งที่คนดูแลความรู้ก็คืออาการที่อาจจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง มีดังต่อไปนี้
1.อาการทางกายและใจเปลี่ยนแปลง
สำหรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับคนป่วยก็คือ มีสติที่เปลี่ยนแปลง บางครั้งอาจนอนหลับมากกว่าเดิม หรือบางครั้งก็มีการตื่นกลางคืนและนอนตอนกลางวัน บางครั้งก็จะเพ้อ หรือกระสับกระส่าย โดยอาการเหล่านี้ หลายๆ คนที่เป็นคนดูแล จะคิดว่าเป็นอาการเจ็บปวด มีต้นเหตุจากโรคต่างๆ ทั้งที่แท้จริงแล้ว เป็นอาการอย่างหนึ่งเมื่อตัวโรคดำเนินไปนั่นเอง การได้ยา ก็จะทำให้คนป่วยรู้สึกดีขึ้นได้
2.การหายใจที่ไม่ปกติ
สำหรับคนที่มีการป่วย หรือได้รับการดูแลประคับประคองนั้น จะต้องเข้าใจว่า มีการหายใจที่ไม่เหมือนคนปกติ เช่นมีอาการหายใจเสียงดัง หรือหายใจเร็วได้ บางคนอาจหายใจเร็ว และสลับกันกับการหายใจที่ช้ากว่าเดิม เพราะว่าการควบคุมการหายใจเป็นไปอย่างยากลำบาก บางครั้งก็มีเสมหะที่คั่งอยู่ในทางเดินหายใจ และทำให้การกลืนนั้นลดลงกว่าเดิม คนป่วยจะหายใจเสียงดัง และต้องดูดเสมหะ แต่ไม่ควรสอดไปลึกๆ เพราะว่าอาจจะทำให้เจ็บได้
3.ปลายเท้าเย็น
เนื่องจากว่าหัวใจสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้น้อย ส่งผลให้ปลายเท้าและปลายมือเย็น และเลือดเองก็ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ลดลงอีกด้วย ดังนั้น การที่ปลายเท้าเย็นก็เลยทำให้คนดูแลรู้สึกตระหนกด้วย
4.กลั้นการขับถ่ายไม่ได้
เนื่องจากว่าระบบประสาทนั้นมีสิ่งที่ผิดปกติอยู่ อาจจะส่งผลให้กล้ามเนื้อหูรูดคลายตัว จึงขับถ่ายแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว อย่างไรก็ดี การใส่สายสวน ก็ไม่ควรทำ หากไม่จำเป็น เพราะว่าผู้ป่วยจะรู้สึกเจ็บได้
5.ไม่สามารถหลับตาสนิทได้
สำหรับคนไข้ที่ใกล้เสียชีวิต ไขมันหลังเบ้าตาจะลด ทำให้ลูกตาดึงไปทางข้างหลัง เปลือกตาจึงปิด ทำให้ตาแห้ง ตาเป็นแผลได้อีกด้วย จะต้องใช้น้ำตาเทียม หรืออาจจะใช้ขี้ผึ้งป้ายตาก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ก็เพื่อให้ดวงตาของคนป่วยมีความชุ่มชื่นกว่าเดิม
อย่างไรก็ดี สิ่งที่ผู้ป่วยควรได้รับก็คือกำลังใจ หากว่าได้ยินเสียง หรือรับรู้การสนทนาที่สร้างกำลังใจก็จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีกว่าเดิมได้ ทำให้ผู้ป่วยหมดห่วงได้อีกด้วย ดังนั้นการพูดเสริมสร้างกำลังใจ หรือพูดสิ่งที่ผู้ป่วยรู้สึกกังวลอยู่ก็จะทำให้เกิดปัญหาได้น้อยที่สุดนั่นเอง